สถาบันวิทยาลัยชุมชน จัดประชุมผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนประจำปี 2568 เน้นย้ำนโยบายและทิศทางการพัฒนาสู่การบรรลุเป้าหมายตามแผนพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันวิทยาลัยชุมชน ภายในปี 2570เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 นายเจริญชัย วงษ์จินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาลัยชุมชน เป็นประธานเปิดงานและมอบนโยบายที่สำคัญ ในประชุมเชิงปฏิบัติการผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชน ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้บริหารสถาบันวิทยาลัยชุมชน ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชน ทั้ง 20 แห่ง ได้พบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์การทำงาน และความท้าทายที่เกิดขึ้น รวมทั้งให้มีการนำเสนอผลงานเชิงประจักษ์ของแต่ละวิทยาลัยชุมชน พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะที่จะนำไปสู่การพัฒนาวิทยาลัยชุมชนในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นการประชุมในวันนี้ ถือเป็นที่ประชุมระดับผู้บริหารวิทยาลัยชุมชนทั่วประเทศ โดย นายเจริญชัย วงษ์จินดา กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิทยาลัยชุมชน ได้ทำหน้าที่ชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภามีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่า วิทยาลัยชุมชนมีบทบาทสำคัญในการทำงานเชิงพื้นที่ เป็นที่พึ่งของชุมชน และขอให้สถาบันวิทยาลัยชุมชนให้ความสำคัญกับการบริหารและการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในแต่ละปีให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สามารถสะท้อนถึงผลการดำเนินงานทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพให้เป็นที่ประจักษ์ โดยกรรมาธิการงบประมาณฯ พร้อมสนับสนุนให้สถาบันวิทยาลัยชุมชนได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปัจจุบัน-อนาคต ผู้เรียนลดลงจากผลกระทบด้านโครงสร้างประชากร ดังนั้น การจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงเป็นบทบาทสำคัญของวิทยาลัยชุมชน และเห็นว่าทิศทางการทำงานของวิทยาลัยชุมชนในอนาคต จะต้องมีระบบการเทียบโอนประสบการณ์ และระบบคลังหน่วยกิต (Credit Bank) รองรับพันธกิจดังกล่าวที่ประชุมผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนทั่วประเทศครั้งนี้ มีมติสำคัญ ๆ โดยขอให้ผู้บริหาร/ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนนำข้อเสนอแนะ ไปหารือ พูดคุยกับบุคลากรที่เกี่ยวข้องในขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมาย อาทิ1. เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2568 รายโครงการ โดยขอให้ ผอ.วชช. ทุกแห่ง กำกับ ติดตามอย่างใกล้ชิดกับทุกกลุ่มงาน เพื่อให้ผลการเบิกจ่ายเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด บรรลุตัวชี้วัดตามแผนความเป็นเลิศ2. เตรียมจัดทำข้อเสนอโครงการรองรับกรอบวงเงินตาม ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 และคำของบประมาณปะจำปี 2570 ไปพร้อมกันให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568 โดยแต่ละโครงการให้กำหนดปฏิทินการดำเนินงานให้มี % ของผลการเบิกจ่ายเป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด % เพื่อให้ในแต่ละไตรมาส3. ความก้าวหน้าการจัดการศึกษานอกที่ตั้ง แนวทางการบริหารงบประมาณ และการเบิกค่าใช้จ่ายของปีงบประมาณ 2568 ให้เป็นตามหนังสือตอบของสำนักงบประมาณ4. รับทราบ ความก้าวหน้าการทบทวนและปรับปรุงค่าสอนเกินภาระงานสอนของข้าราชการครูในวิทยาลัยชุมชน (270 บาท)5. การเตรียมบุคลากรรองรับการใช้งานระบบสารสนเทศหลักสูตรเพื่อการรับรองมาตรฐานการอุดมศึกษา (Curriculum Information System for Higher Education Accreditation: CISA)6. แนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับวิทยาลัยชุมชนโดยใช้เกณฑ์ EdPex และระดับหลักสูตร (AUNQA)7. การดำเนินงานด้านวิจัย ที่รับงบประมาณด้านวิจัยจากแหล่งทุนต่าง ๆ และแนวทางการเบิกจ่าย การจัดซื้อ จัดจ้างทางพัสดุ จากงบประมาณด้านวิจัย8. ความคืบหน้าในการดำเนินการจัดทำระเบียบเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการของผู้สอนในสถาบันวิทยาลัยชุมชน9. ความคืบหน้าของการวิเคราะห์กรอบอัตรากำลังในวิทยาลัยชุมชน เพื่อกำหนดตำแหน่งผู้บริหาร ระดับกองในวิทยาลัยชุมชน10. แบบประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสถาบันวิทยาลัยชุมชน และผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชน11. แนวทางการปฏิบัติงานของผู้ประสานงานด้านการตรวจสอบภายในของสถาบัน และการบริหารงานที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีเครือญาติ หรือสามี ภรรยา ที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน12. การออกเอกสารทางการศึกษารูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Transcript) วิทยาลัยชุมชนสามารถปรินส์ใบระเบียน ใบอนุปริญญาบัตร และใบรับรองคุณวุฒิ ที่วิทยาลัยชุมชนโดยไม่ต้องส่งมาที่สำนักงานสถาบัน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 เป็นต้นไปนายเจริญชัย วงษ์จินดา เน้นย้ำการให้ความสำคัญเพื่อนำสถาบันวิทยาลัยชุมชนยกระดับไปสู่การเป็นวิทยาลัยชุมชนดิจิทัล (Digital Community Colleges) โดยในปีนี้ มีการดำเนินการจัดหาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น มาให้บริการบุคลากรเพื่อยกระดับการทำงานและส่งเสริมการเรียนรู้ ซึ่งจะครอบคลุมทั้ง องค์คณะบุคคล ผู้บริหาร บุคลากร อาจารย์ผู้สอน อาจารย์พิเศษ และนักศึกษา คาดว่าจะสามารถเข้าใช้งาน AI ทั้ง 9 Model ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2568 หลังจากจัดให้มีการอบรมให้ความรู้ในเรื่องนี้ไปแล้ว 4 ครั้ง จะมีการจัดการอบรมอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 13 – 15 สิงหาคม 2568 โดยวิทยากรจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้าใจร่วมกันของผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนในเรื่องนโยบาย ยุทธศาสตร์ และทิศทางการดำเนินงานของสถาบันวิทยาลัยชุมชน พร้อมกับชูนโยบายความแตกต่างของวิทยาลัยชุมชน โดยขอให้แต่ละวิทยาลัยชุมชนกลับไปหารือกันถึงความเชี่ยวชาญที่จะชูให้เห็นความเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่น และความเป็นตัวตนของแต่ละวิทยาลัยชุมชน และกลับมาเสนอ หารือในที่ประชุมผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนทั่วประเทศ ที่จะจัดขึ้นอีกใน 3 เดือนข้างหน้าต่อไป

วันที่ 14 กรกฎาคม 2568สถาบันวิทยาลัยชุมชนจัดประชุมคณะอนุกรรมการร่างข้อบังคับ ปรับปรุง และแก้ไขข้อบังคับของสถาบันวิทยาลัยชุมชน ครั้งที่ 12/2568 โดยมีนายเอกศักดิ์ คงตระกูล เป็นประธานที่ประชุมได้มีพิจารณา (ร่าง) ประกาศสถาบันวิทยาลัยชุมชน เรื่อง การกำหนดรหัสนักศึกษาของวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. …. ที่ประชุมพิจารณามอบหลักการในภาพรวมให้สถาบันวิทยาลัยชุมชน ทบทวนมติของกรรมการวิทยาลัยชุมชนเดิมที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และปรับปรุงร่างดังกล่าว รวมถึงอำนาจของการออกกฎหมายให้เป็นไปตามลำดับศักดิ์ของกฎหมาย แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมครั้งต่อไป ที่กำหนดให้มีในวันที่ 23 กรกฎาคม 2568

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีกรมหมื่นสุทธนารีนาถวันที่ 13 กรกฎาคม 2568ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร ข้าราชการ และบุคลากรสถาบันวิทยาลัยชุมชน

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 สถาบันวิทยาลัยชุมชน จัดประชุมคณะทำงานสถาบันสู่ความยั่งยืน ประจำสำนักงานสถาบันวิทยาลัยชุมชนนายเจริญชัย วงษ์จินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาลัยชุมชน มอบหมายให้ นางสาววนิดา สุภัทรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสถาบันวิทยาลัยชุมชน รับผิดชอบดำเนินการและเป็นประธานในการดำเนินงานดังกล่าว โดยได้เชิญ นางสาววิศรา หุ่นธานี ผู้อำนวยการฝ่ายมลพิษ พลังงานและสิ่งแวดล้อม และคณะ มาเป็นวิทยากร ให้ความรู้กับผู้บริหารและบุคลากรในสำนักงานสถาบันวิทยาลัยชุมชน และวิทยาลัยชุมชน เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการทำงานให้สอดคล้องกับหลักการ พัฒนาที่ยั่งยืน SDGs เช่น การจัดการสิ่งแวดล้อมภายในสำนักงานสถาบัน การพัฒนาบุคลากรและสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องการใช้น้ำ ไฟฟ้า การจัดซื้อวัสดุสำนักงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสียด้วยการแยกขยะ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว เป็นต้น1. ด้านการพัฒนากำลังคน1.1 ส่งเสริมทุนการศึกษาเพื่อความเสมอภาค เช่น สนับสนุนค่าสมัครสอบคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS) ค่าสมัครสอบ TGAT และค่าสมัครสอบวัดความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ TPAT1 – 5 ซึ่งคาดว่าจะมีนักเรียน ผู้ปกครองได้รับประโยชน์กว่า 733,750 คน1.2 ทุนสนับสนุนนักศึกษาและเยาวชน เช่น สนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาพิการ เยาวชนในพื้นที่ห่างไกล และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงทุนอื่น ๆ อีก 7,900 ทุน และจะเพิ่มจำนวนทุนอย่างต่อเนื่อง1.3 ทุนสำหรับเรียนดีและกำลังคนเฉพาะทาง สนับสนุนเด็กเรียนดีในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก โดยเน้นการส่งเสริมกำลังคนตามความต้องการของประเทศ และจะปรับเงื่อนไขการรับทุนและการชดใช้ทุนเพื่อให้ผู้รับทุนสามารถสร้างประโยชน์ในภาคเอกชนนอกเหนือจากภาครัฐ และสนับสนุนทุนเพื่อพัฒนากำลังคนเฉพาะทางในสาขาที่มีความต้องการเร่งด่วน เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง AI EV และ SOFT Power ในด้านต่าง ๆ เช่น อาหาร การท่องเที่ยว และกีฬา2. ด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม2.1 เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร จัดการกองทุน ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่2.2 สนับสนุนภาคเกษตรด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สามารถแข่งขัน ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพผลผลิต การนำเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย เช่น เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาใช้ในการควบคุมปัจจัยการผลิตได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะในพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลังและยางพารา2.3 ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสามารถพัฒนาและเร่งแก้ไข ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และภัยภิบัติในหลายด้าน เช่น การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และ PM 2.52.4 ส่งเสริมการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้และอุตสาหกรรมสมัยใหม่3. 1 มหาวิทยาลัย 1 ภารกิจ เพื่อท้องถิ่น ใช้อว.ส่วนหน้า ดึงศักยภาพมหาวิทยาลัย – สถาบันวิจัย แก้ปัญหา-พัฒนาชุมชน

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 สถาบันวิทยาลัยชุมชนมอบ ผศ.วีระชาติ มัตติทานนท์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิทยาลัยชุมชน เข้าร่วมต้อนรับ และรับฟังนโยบายของ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และไหว้ศาลพระภูมิชัยมงคล ตลอดจนมอบนโยบายต่อผู้บริหารกระทรวง อว.ดังนี้1. ด้านการพัฒนากำลังคน1.1 ส่งเสริมทุนการศึกษาเพื่อความเสมอภาค เช่น สนับสนุนค่าสมัครสอบคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS) ค่าสมัครสอบ TGAT และค่าสมัครสอบวัดความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ TPAT1 – 5 ซึ่งคาดว่าจะมีนักเรียน ผู้ปกครองได้รับประโยชน์กว่า 733,750 คน1.2 ทุนสนับสนุนนักศึกษาและเยาวชน เช่น สนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาพิการ เยาวชนในพื้นที่ห่างไกล และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงทุนอื่น ๆ อีก 7,900 ทุน และจะเพิ่มจำนวนทุนอย่างต่อเนื่อง1.3 ทุนสำหรับเรียนดีและกำลังคนเฉพาะทาง สนับสนุนเด็กเรียนดีในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก โดยเน้นการส่งเสริมกำลังคนตามความต้องการของประเทศ และจะปรับเงื่อนไขการรับทุนและการชดใช้ทุนเพื่อให้ผู้รับทุนสามารถสร้างประโยชน์ในภาคเอกชนนอกเหนือจากภาครัฐ และสนับสนุนทุนเพื่อพัฒนากำลังคนเฉพาะทางในสาขาที่มีความต้องการเร่งด่วน เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง AI EV และ SOFT Power ในด้านต่าง ๆ เช่น อาหาร การท่องเที่ยว และกีฬา2. ด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม2.1 เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร จัดการกองทุน ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่2.2 สนับสนุนภาคเกษตรด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สามารถแข่งขัน ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพผลผลิต การนำเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย เช่น เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาใช้ในการควบคุมปัจจัยการผลิตได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะในพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลังและยางพารา2.3 ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสามารถพัฒนาและเร่งแก้ไข ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และภัยภิบัติในหลายด้าน เช่น การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และ PM 2.52.4 ส่งเสริมการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้และอุตสาหกรรมสมัยใหม่3. 1 มหาวิทยาลัย 1 ภารกิจ เพื่อท้องถิ่น ใช้อว.ส่วนหน้า ดึงศักยภาพมหาวิทยาลัย – สถาบันวิจัย แก้ปัญหา-พัฒนาชุมชน

มนต์เสน่ห์แดนใต้ใจกลางกรุง! วิทยาลัยชุมชน 5 จังหวัด ขนสุดยอดงานศิลป์จัดแสดงใน “Taste of Southern” ณ ทำเนียบรัฐบาลจากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ผลิตภัณฑ์เลอค่าที่สร้างรายได้ให้ชุมชน สถาบันวิทยาลัยชุมชนภาคภูมิใจนำเสนอผลงานสุดสร้างสรรค์จาก 5 จังหวัดชายแดนใต้ ในนิทรรศการ “Taste of Southern: อัตลักษณ์พื้นถิ่นจังหวัดชายแดนใต้” ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ท่ามกลางความสนใจจากคณะรัฐมนตรีและผู้ร่วมงานจำนวนมากบรรยากาศภายในงาน ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ได้รับเกียรติจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รมว.วัฒนธรรม, พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมชมงานอย่างคับคั่ง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่รัฐบาลมอบให้กับเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดนใต้ความสำเร็จของงานครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การนำของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และความร่วมมืออย่างแข็งขันของ สถาบันวิทยาลัยชุมชน โดยนายเจริญชัย วงษ์จินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาลัยชุมชน ได้ส่งทีมผู้บริหารเข้าร่วมงาน นำโดย นางสาววนิดา สุภัทรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสถาบันฯ และนางสาวพรเพ็ญ ประกอบกิจ ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนสงขลา ซึ่งนำทัพทีมวิทยาลัยชุมชนในพื้นที่ร่วมจัดนิทรรศการ เปลี่ยนทำเนียบรัฐบาลให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะและวัฒนธรรมที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาผู้เข้าชมงานต่างตื่นตาตื่นใจไปกับขบวนผลิตภัณฑ์โดดเด่น ที่คัดสรรมาจากวิทยาลัยชุมชนสงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสตูล ตระการตาด้วยผ้าบาติก และ ผ้ามัดย้อมสีสะตอ อันเป็นเอกลักษณ์, ตื่นใจกับงานสานชั้นครูอย่างกระเป๋าย่านลิเภา ไปจนถึงกระเป๋าผ้าทอใยกล้วย, กระเป๋ากระจูด และ กกราชินี ดีไซน์ร่วมสมัย นอกจากนี้ยังมีงานหัตถศิลป์อันงดงาม ทั้งเข็มกลัดลูกปัดมโนราห์งานปัก, ชุดโต๊ะ-เก้าอี้จากกระจูด, กรงนก และ เซรามิกดีไซน์สวยสุดเก๋ รวมถึงการต่อยอดภูมิปัญญาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ และความงามจากสมุนไพรพื้นถิ่น ทั้ง เครื่องสำอาง, แชมพู, โลชั่น, สเปรย์กันยุง และ สเปรย์อาบน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง เป็นต้นทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล ที่มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบท้องถิ่น โดยมีกิจกรรมพิเศษอย่าง แฟชั่นโชว์ มาสร้างสีสันและสะกดทุกสายตาผ่านการนำเสนอเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับที่ออกแบบอย่างโดดเด่น แสดงให้เห็นว่าอัตลักษณ์ปักษ์ใต้สามารถผสมผสานกับแฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวการเข้าร่วมงานครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพของวิทยาลัยชุมชน ในฐานะสถาบันการศึกษาที่เข้าถึงชุมชนอย่างแท้จริง เป็นพลังสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และเป็นฟันเฟืองในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยเปลี่ยน “ของดีประจำถิ่น” ให้กลายเป็น “สินค้าสร้างชาติ” ที่พร้อมจะเติบโตในตลาดโลก สร้างความกินดีอยู่ดีและความภาคภูมิใจให้แก่พี่น้องชาวใต้อย่างยั่งยืน